Sunday, November 24, 2024

Thailand's 1st Interscholastic Student Newspaper

Covid-19 Vaccination: It’s Not As Scary As You Might Think

Nowadays, social media has a huge influence on the beliefs, thoughts, and attitudes of children and adolescents. Even though It has its benefit of being able to access all information despite the distances, one negative consequence from this accessibility is ‘fake news’. Currently, there is a trend and misleading information that leads to refusal to get covid-19 vaccine (Only mRNA vaccine available right now is Pfizer and the lethal vaccine is Sinopharm) in a group of 12-17 year olds students.


Therefore, in this article, I’ve compiled information about Pfizer vaccination on 12-17 years old students from different reliable sources (websites of hospitals and foreign news agencies) to help readers who are still hesitant about whether to get vaccinated or not. I will also share my friend’s experience on getting vaccinations(I’ve not been vaccinated and not quite sure why the vaccines were delayed as well).


The current main choice of vaccine provided to schools in Thailand is Pfizer, a vaccine that I, myself, believe that many people may have heard of. This vaccine is produced by a method called mRNA (Messenger Ribonucleic Acid). This method teaches our cells how to make a protein that is similar to the virus to trigger an immune response inside our bodies. This method has yet to be found harmful to humans. It rather helps the body to build up immunity against viruses.


Before the virus can even replicate itself in our body, the built proteins will eliminate them immediately. It’s proved that mRNA injection doesn’t change our DNA and can’t help to increase viruses in your body. 


By now, the efficacy of Pfizer is still in the research process, but the latest information about It was from CNBC news on October 20, 2021. It’s reported that “The U.S. The Centers for Disease Control (CDC) has announced that the Pfizer vaccine is effective against 93% of the Covid-19 virus in children from 12-18 years old and has been tracking children aged 12-18. 97% of the children who were infected and were hospitalized were not vaccinated.”


But like other vaccines, Pfizer also has Its side effects: it has the possibility of leading to myocarditis. Based on information from Vichaivej Hospital website, myocarditis is the inflammation of the heart muscle that causes a reduction in blood circulation and irregular heartbeat. Other external symptoms include chest pain, tiredness along with weakness, palpitations, swollen legs, swollen feet, etc. If these symptoms occur within 30 days of vaccination, the patient must see a doctor immediately. It has been found that males have more risk of getting these side effects than females. The most common age range is 12-17 years, followed by 18-24 years. However, these conditions are rarely seen and are still curable.


Preparation before vaccination is not difficult. Patients should get enough rest for 7-8 hours, and drink plenty of water. If you are sick with a cold, vaccination should be postponed for at least 7 days. Furthermore, vaccination is available during menstruation if patients get to rest.


          

  การฉีดวัคซีน Covid-19 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด

         ปัจจุบัน สื่อโซเชียลต่างๆเข้ามามีอิทธิพลต่อความเชื่อ ความคิด ทัศนคติของเด็กและวัยรุ่นในยุคนี้มากขึ้น ซึ่งก็มีทั้งผลดี เช่น การได้รู้จักสิ่งใหม่ๆที่อยู่ไกลออกไป การเรียนรู้ที่รวดเร็ว แต่หนึ่งในผลเสียที่เกิดขึ้นคือ การแพร่กระจายของข่าวที่ไม่เป็นความจริง หรือสิ่งที่เราเรียกกันว่า ‘เฟคนิวส์’ นั่นเอง และในขณะนี้ ก็ได้เกิดกระแส และการส่งต่อข้อมูลที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด นั่นก็คือ การที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 (ในปัจจุบันมีเพียงวัคซีน mRNA คือ ไฟเซอร์ และวัคซีนเชื้อตาย คือซิโนฟาร์ม)ในกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปีที่จัดสรรมากับทางโรงเรียนของแต่ละคน

         ดังนั้น ในบทความนี้ ผู้เขียนจึงได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในกลุ่มเด็ก 12-17 ปี เพื่อเป็นการนำเสนอข้อมูลที่มีมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ (เว็ปไซต์ของโรงพยาบาลและสำนักข่าวต่างประเทศ) ประกอบให้ท่านผู้อ่านที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกันที่ยังลังเลว่าควรเข้ารับวัคซีนหรือไม่ รวมถึงเล่าประสบการณ์การเข้ารับฉีดวัคซีนของเพื่อนตัวผู้เขียนเอง (เนื่องจากตัวผู้เขียนยังไม่ได้รับวัคซีน และไม่ทราบเหตุผลว่าทำไมถึงได้วัคซีนล่าช้าเช่นกัน)

         วัคซีนตัวหลักที่มีการจัดสรรให้กับทางโรงเรียนของแต่ละคนก็คือ ไฟเซอร์ (Pfizer) เป็นวัคซีนที่ผู้เขียนเชื่อว่าใครหลายๆคนก็ต้องเคยได้ยินชื่อ วัคซีนตัวนี้เป็นการผลิตด้วยวิธีที่เรียกว่า mRNA (messenger Ribonucleic Acid) ขอสรุปโดยย่อก็คือเป็นการที่เราจำลองสารพันธุกรรมของไวรัสในส่วนที่เป็นหนาม ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้ร่างกายเราติดเชื้อ เมื่อถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย ร่างกายก็จะสร้างโปรตีนที่มีส่วนเป็นหนามคล้ายกับของไวรัสขึ้นมา ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาต่อต้านโปรตีนที่มีลักษณะแบบนี้ เมื่อมีไวรัสที่มีหนามแบบนี้ตัวจริงเข้ามา ก็จะถูกภูมิคุ้มกันของร่างกายที่สร้างขึ้นมาอยู่แล้วกำจัดทันที เพราะคุ้นเคยกับการจัดการสิ่งแปลกปลอม(โปรตีนที่มีหนามแหลม)แล้ว ทำให้ไวรัสยังไม่ทันได้เพิ่มจำนวนในร่างกายของเรา และการฉีด mRNA ไม่ได้ทำให้ DNA ของเราเปลี่ยนไปแต่อย่างไร ไม่กลายพันธุ์เป็นมิวแทนท์แน่นอนค่ะ

         ประสิทธิภาพของวัคซีนไฟเซอร์ ในปัจจุบันยังมีการวิจัยอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้ายกข้อมูลล่าสุดจากวันที่ 20 ตุลาคม 2564 จากสำนักข่าว CNBC จากประเทศสหรัฐอเมริกา ที่รายงานข้อมูลว่า “ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ได้ประกาศว่า วัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัส Covid-19 ในเด็กอายุ 12-18 ปีได้มากถึง 93% และได้ติดตามข้อมูลเด็กในช่วงอายุ 12-18ปี จำนวน 464 คน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายน พบว่า 97% ของเด็กที่ติดเชื้อและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น ไม่ได้รับวัคซีน”

         ตัววัคซีนไฟเซอร์นั้นก็ยังมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน ซึ่งก็คือ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อ้างอิงข้อมูลจากเว็ปไซต์โรงพยาบาลวิชัยเวช อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คือการที่กล้ามเนื้อหัวใจบีบส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ลดลง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาการภายนอกก็คือ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่ายเวลาอ่อนแรง ใจสั่น ขาบวม เท้าบวม ถ้าเกิดอาการเหล่านี้หลังได้รับวัคซีนใน 30 วัน ควรรับไปพบแพทย์ กลุ่มเสี่ยงของอาการนี้ที่จะเกิดได้หลังจากการฉีดวัคซีนคือ เพศชายจะเสี่ยงกว่าเพศหญิง ช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ ช่วง 12-17 ปี รองลงมาคือ 18-24 ปี แต่อาการนี้สามารถรักษาให้หายได้ และการเกิดอาการนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก  

         การเตรียมตัวก่อนเข้ารับวัคซีนสามารถทำได้ไม่ยาก ก็คือ การพักผ่อนให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมง ดื่มน้ำมากๆ และถ้าหากป่วย เป็นหวัด ก็ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน 7 วัน และในเพศหญิง ถ้าหากเป็นประจำเดือนก็ยังสามารถเข้ารับวัคซีนได้ แต่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ